Fujifilm (TYO: 4901) บริษัทที่ก่อตั้งในปี 1934 เกือบจะ 90 ปีมาแล้ว จุดประสงค์ของบริษัทตอนนั้นคือเพื่อผลิตฟิล์มบันทึกภาพในกล้องที่คนในสมัยยุค 90s ทุกคนต้องรู้จัก แต่คนรุ่นหลังที่มีสมาร์ทโฟนมาใช้อาจจะเริ่มไม่รุ้จักกันเสียแล้วว่าฟิล์มนั้นคืออะไร? หรืออาจจะมองว่าเป็นของล่าหลังไปเสียแล้วก็ได้….
“บริษัทที่สามารถเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น จะต้องมีความรู้ลึกซึ้งทางเทคโนโลยี และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโลกถึงจุดหนึ่ง ถึงจะสามารถคงอยู่มาได้ยาวนานถึงเกือบร้อยปี หากเทคโนโลยีที่บริษัทมีนั้นตามวิวัฒนาการของโลกไม่ทันแล้วละก็ บริษัทนั้นก็จะมีขนาดเล็ก และล้มละลายไปนั้นเอง”
Photographic film หรือ ฟิล์มกล้องนั้น หลักการพื้นฐานนั้นถูกคิดค้นตั้งแต่ในยุค 1830s แต่กว่าจะมาเป็นฟิล์มอันแรกที่เราใช้กันนั้นก็ร่วมเข้ายุค 1880s ฟิล์มนั้นอาศัยพึ่งพาหลักการของสารเคมีที่มีปฏิกิริยารวดเร็วต่อแสง เพื่อเปลี่ยนสถานะภาพตัวของมันเองเวลาโดนแสงที่เข้ามาจากเลนส์ของกล้อง บันทึกออกมาเป็นภาพให้คนรุ่นหลังๆได้ใช้กัน
แต่ก่อนที่จะไปมาเป็น Fujifilm ในวันนี้ บริษัทได้ผ่านการทดสอบแห่งการเวลามาเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากบริษัทก่อตั้งมาได้ 10 ปี ก็ได้เริ่มผลิต X-ray ฟิล์มที่ใช้ในทางการแพทย์
ต่อมาบริษัทก็เริ่มเข้าสู่ตลาดเกี่ยวกับเครื่องถ่ายเอกสาร หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “เครื่องซีร็อก Xerox” แท้ที่จริงแล้วเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทของประเทศอังกฤษ Rank Xerox กับ Fujifilm นั่นเอง
จะสังเกตได้ว่านวัตกรรมที่บริษัทคิดค้นและผลิตนั้นมีรากฐานอยู่บนเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน เกี่ยวกับการเข้าใจของ “แสง” และ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทาง “เคมี” ที่เกิดขึ้นบนฟิล์ม หรือการถ่ายทอดภายลงบนกระดาษด้วยเครื่องปริ้นท์เตอร์
ในปี 2016 Fujifilm มีรายได้จากธุรกิจเครื่องปรินท์เตอร์สำนักงาน เครื่องถ่ายเอกสาร และธุรกิจเกี่ยวกับซอฟแวร์มากถึง 48% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท โดยรายได้นี้ทำกำไรให้บริษัทกับบริษัทมากกว่า 82.7 ล้านล้านเยน คิดเป็นเกือบ 50% ของกำไรทั้งหมด
ในปี 2019 Fujifilm ได้เข้ารวบกิจการโดยการซื้อหุ้นของบริษัท Xerox ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อเป็น Fuji Xerox. ในปัจจุบันถ้าหากเราสังเกตดีๆเราจะเห็นได้ว่าเครื่องถ่ายเอกสารนั้น ไม่ใช่เครื่อง Xerox อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเครื่อง Fuji Xerox ต่างหาก
แต่ธุรกิจถ่ายเอกสารหรือเครื่องปริ้นเตอร์สำหรับสำนักงานนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่เจออุปสรรคซักทีเดียว ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โลกเราพยายามจะเข้าสู่โลกดิจิตอล หรือ Digitalization คือการลดการปริ้นท์ เอกสารส่วนใหญ่นั้นสามารถเก็บไว้เป็นไฟล์เพื่อเป็นหลักฐานได้ ทำให้ Fujifilm นั้นมีรายได้ลดลงจากเครื่องปริ้นท์เตอร์มากถึง 50%. ในรายงานผลประกอบการปัจจุบัน ธุรกิจปริ้นท์เตอร์นั้นนำรายได้ให้บริษัทแค่เพียง 25% แค่นั้นเอง
แต่หากคุณคิดว่า Fujifilm นั้นหยุดและไม่เติบโต หลังจากได้อ่านข้อความด้านบนแล้วละก็ คุณอาจจะต้องศึกษาธุรกิจหลักของบริษัทให้มากกว่านี้ คุณอาจจะคิดว่าหุ้นของบริษัท Fujifilm นั้นอาจจะตกจนไร้มูลค่าเพราะว่ากล้องฟิล์มนั้นถูกละทิ้ง เพราะว่ามือถือในปัจจุบันทุกรุ่นนั้นสามารถถ่ายรูปได้ดีกว่า และใช้ได้ง่ายกว่า ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนฟิล์มเหมือนในสมัยก่อน รูปภาพที่ถ่ายก็สามารถกดดูได้เลย ไม่ต้องมานั่งรอล้างฟิล์มกันเป็นอาทิตย์ๆ หรือเพราะว่าเครื่องถ่ายเอกสารนั้นเป็นธุรกิจที่ล้าหลัง
“ในโลกของการลงทุนนั้น สิ่งที่ถูกมองว่าล้าหลัง ล้าสมัย หรือว่า ไม่มีประโยชน์แล้วในอนาคตย่อมถูกทำให้ด้อยค่าทั้งทางสินค้า และหุ้นของบริษัทที่ผลิตสินค้าชิ้นนั้นๆ”
ปัจจุบัน Fujifilm นั้นมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2016 ถึง 33% โดยรายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากธุรกิจที่เกี่ยวกับ Semiconductor และ Healthcare โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ outsource การผลิตยา หรือการศึกษาค้นคว้าเพื่อที่จะผลิตยาชนิดใหม่ขึ้นมา ในช่วงโควิดที่ผ่านมา Novavax วัคซีนนั้นก็ถูกผลิตโดย Fujifilm นั้นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยหลักการความเข้าใจทางแสงและเคมีนี่เอง Fufifilm นำมาใช้ในการค้นคว้า photoresist สารโพลีเมอร์ที่มีความเร็วต่อแสง ซึ่งเป็นหนึ่งในสารเคมีที่ขาดไม่ได้ในการผลิตชิป Semiconductor ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ รถยนต์ และเกือบทุกสิ่งอย่างที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กโทรนิค Fujifilm เติบโตกลายเป็นบริษัทใหญ่และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม Semiconductor อย่างจริงจัง จนพูดได้ว่าบริษัทเช่นนี้ไม่สามารถหายไปจากโลกนี้ได้ เพราะถ้าหายไปแล้วจะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อ Supply chain
อย่างที่เราได้เล่าถึงเกี่ยวกับการลงทุนในวิทยาศาสตร์และเอ็นจิเนียริ่ง การลงทุนในบริษัทที่มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการนำการค้นคว้าและวิจัยที่บริษัทหามาได้ มาต่อยอดในธุรกิจที่เติบโตในยุคสมัยนั้นๆ เช่นกล้องฟิล์มในยุคก่อน 2010s ,การร่วมมือกับบริษัท Xerox เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสาร, การสร้างเทคโนโลยีเกี่ยวกับ X-ray, และการเข้าสู่ธุรกิจ Semiconductor อย่างจริงจัง, และต่อจากนี้อีกสิบปี Fujifilm อาจจะไม่ใช่บริษัทที่ผลิตเครื่องถ่ายเอกสารอีกแล้วก็เป็นได้ แต่อาจจะเป็นบริษัทที่ผลิตยา และวัคซีนให้คนทั้งโลกได้ใช้กัน
สิ่งสำคัญของบริษัทนั้นคือการเติบโตและใช้ความรู้ที่ตัวเองมีอยู่ ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของโลก และนำวิทยาการใช้ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของโลกนั้นให้ดีที่สุด
ปรพล
หากมีข้อผิดพลาดทางภาษาไทย ณ จุดใด ขอโทษด้วยครับ จะพยายามแก้ไขและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง