Fujifilm (TYO:4910) – ในปี 2022 เดือนมีนา Fujifilm มีรายได้มากถึง 2500 ล้านล้านเยน หรือเป็นเงินมากกว่า 650 ล้านบาท แต่ถึงแม้รายได้จะเป็นส่วนสำคัญของการเจริญเติบโตของบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกเนื่องจากกล้อง Mirrorless ที่ใครๆก็รู้จัก
….แต่ในโลกแห่งการลงทุนสิ่งที่ต้องมาพร้อมกับการเจริญเติบโตของรายได้ นั่นก็คือการเติบโตของกำไร (operating profit) ของบริษัทที่มาจากธุรกิจหลักของบริษัท
ก่อนที่จะมีโควิดในช่วงปลายปี 2019 หรือก่อนที่เริ่มระบาดไปทั่วโลกในปี 2020 ราวๆเดือนมีนาคม Fujifilm มีรายได้มาจากธุรกิจเครื่องปริ้นท์ หรือว่าซอฟท์แวร์การจัดการบริษัทเอกสาร หรือระบบจัดการบริหารมากถึง 1000 ล้านล้านเยน คิดเป็น 40% ของรายได้ของบริษัททั้งหมด
แต่เรารู้กันดีว่าหลังจากโรคระบาดโควิด ผู้คนเริ่มทะยอยทำงานจากบ้าน Work From Home นั้นถือว่าเป็นคำติดปากสำหรับคนในยุคนี้ และก็ยังเชื่อว่ายังเป็นสิ่งที่หลายๆบริษัทไม่ได้ยกเลิก และยังมีการใช้นโยบาย WFH อย่างต่อเนื่อง แล้ว…เหตุการณ์นี้กระทบกับ Fujifilm อย่างไร?
เนื่องจากโรคระบาดโควิด ความต้องการเครื่องถ่ายเอกสารหรือเครื่องปรินท์เตอร์เอกสารในออฟฟิสสำนักงานมีความจำเป็นน้อยลงอย่างรวดเร็ว ในปีต่อมา Fujifilm เสียหายไปกว่า 250 ล้านล้านเยน จากรายได้ปกติ หรือคิดเป็น 25% ของรายได้ปกติที่ได้จากธุรกิจเครื่องปริ้นท์เตอร์ แต่เนื่องจาก Fujifilm นั้นไม่ได้มีแค่ธุรกิจเดียว ภายใต้องค์กรขนาดใหญ่ จึงทำให้รอดผ่านสถานการณ์ที่แม้แต่ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ส่วนใหญ่นั้นจะต้องเจ็บตัวไปหลายรายทีเดียว
ใครที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเครื่องถ่ายเอกสาร Xerox คือบริษัทเดียวกันกับ Fujifilm ในปัจจุบัน ตามไปอ่านได้ที่บทความเกี่ยวกับต้นกำเนิดของ Fujifilm
Medical imaging equipment หรือ อุปกรณ์ถ่ายภาพทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตอย่างมากในช่วงโรคระบาด อย่างที่เรารู้อยู่แล้วว่า โรคระบาดโควิดนั้นมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อในปอด ดังนั้นในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น ความต้องการเครื่อง X-ray หรือ CT X-ray scan นั้นได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยในการตรวจหาผู้ติดเชื้อในปอดจากโรคโควิด ซึ่งเครื่องมือการแพทย์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ Fujifilm ผลิตเอง อีกทั้งยังได้มีการทำ AI (Artificial Intelligent) มาใช้ในการช่วยวินิจฉัยการติดเชื้อในปอดอีกด้วย ช่วยลดเวลาการวินิจฉัยโรคทำให้การรักษานั้นทำได้รวดเร็วและง่ายขึ้น
นอกจากนี้ Fujifilm ยังได้เข้าซื้อกิจการอุปกรณ์ถ่ายภาพทางการแพทย์ของบริษัท Hitachi เพื่อเสริมสร้างธุรกิจของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก โดยการนำเทคโนเลยีการผลิต CT, MRI, Fluoroscopy System มาเพิ่มเข้ากับเครื่อง X-ray, Mammography ที่ Fujifilm นั้นมีอยู่เอง อีกทั้งยังได้โปรแกรมเก็บข้อมูลคนไข้ที่บริษัท Hitachi ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นของตัวเองอีกด้วย โดยการซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 140 ล้านล้านเยน
สำหรับหลายคนนั้นอาจจะเป็นเรื่องประหลาดใจว่า นอกจากบริษัทที่ผลิตกล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ๆที่คนส่วนใหญ่ซื้อเพราะว่าคุณภาพของสี และใช้ง่าย เนื่องจากว่าไม่ต้องใช้ฟิล์มอีกต่อไปแล้ว หรืออีกทั้งจะเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องถ่ายเอกสารที่เราเห็นในสำนักงานต่างๆแล้ว
แต่ Fujifilm นั้นยังเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจขนาดหลายร้อยล้านที่ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทำให้เราผ่านวิกฤตในช่วงโรงระบาดโควิดมาได้ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
บริษัทแบบนี้ไม่ใช่หรือที่คุณควรนำเงินมาลงทุน นอกเสียจากว่าคุณจะช่วยในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ให้ไปไกลขึ้นแล้ว คุณยังสามารถมั่นใจได้ว่าเงินลงทุนของคุณนั้นจะไม่สูญหายไปอย่างรวดเร็วแน่นอน เนื่องจากว่าวันนึงหากบริษัท Fufjfilm หายไปจากโลกของเราแล้วก็ นั่นหมายความว่าโลกของเราจะขาดผู้ผลิตเครื่องถ่ายภาพทางการแพทย์ที่ครอง 10% ของตลาดทั่้วโลกไปเลยทีเดียว
เปรียบเทียบง่ายๆ แค่บางทีร้านก๋วยเตี๋ยวที่คุณชอบปิดไปแค่อาทิตย์เดียว คุณยังรู้สึกว่าต้องตามหาร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมาแทนให้ได้ แล้วบริษัทที่สำคัญกับการแพทย์เช่นนี้ หากหายไปแล้วละก็ ย่อมมีปัญหาตามมาเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์อย่างแน่นอน
ปรพล
หากมีข้อผิดพลาดทางภาษาไทยประการใด ขอโทษด้วยครับ จะพยายามปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง